สูตรการทำแหนมปลา รสแซ่บ

แหนมปลา รสเด็ด

แหนมปลา” อาหารโปรดของผมเอง แกล้มกับพริกขี้หนูสวน ตามด้วยข้าวเหนียวร้อนๆ แซ่บสุดๆ อยู่ว่างๆก็เลยสรรหาสูตรนำมาฝากเพื่อนๆชาวออนไลน์ แต่ก่อนอื่นขอบอกแหล่งที่มาก่อนนะ.. http://www.m-culture.in.th เขาบอกเอาไว้ว่า ปลาที่นิยมใช้ทำแหนมปลาส่วนใหญ่จะเป็นปลานวลจันทร์, ปลายี่สกเทศ, ปลาปลาชะโด, ปลาจีน, ปลาสร้อยขาว, หรือไม่ก็ปลาสลาด จากนั้นให้เตรียมส่วนผสมดังนี้ครับ

ส่วนผสม สำหรับทำแหนมปลา

- เนื้อปลาบด 1 กิโลกรัม
- ข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียวสุก 150 กรัม
- กระเทียมบด 15-30 กรัม
- เกลือป่น 20-30 กรัม

วิธีทำ แหนมปลา


ก่อนอื่นให้นำปลาสดทั้งตัว ขอดเกล็ดออกให้หมด ตัดหัวเอาไส้พุงออก แล่เฉพาะเนื้อ จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาด นำไปบดด้วยเครื่องบด เสร็จแล้วนวดเนื้อปลาบดกับเกลือ ข้าวสุก และกระเทียมประมาณ 10-15 นาที ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี นำไปห่อด้วยใบตองหรืออัดใส่ถุงพลาสติก เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 3 วัน จนเกิดรสเปรี้ยว เพียงเท่านี้ก็นำมารับประทานได้แล้วครับ แต่ถ้าจะเก็บไว้ในตู้เย็นให้ใส่ถุงพลาสติกปิดผนึกให้มิดชิด ก็จะเก็บไว้รับประทานได้นาน แต่ก่อนรับประทานอย่าลืมนำมาทำให้สุกก่อนนะครับ

สูตรการทำปลาร้าข้าวคั่ว

การทำปลาร้าข้าวคั่ว

เคล็ดไม่ลับสำหรับการทำ ปลาร้าข้าวคั่ว ให้มีกลิ่นหอม รสแซ่บ อยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ โดยเฉพาะปลาที่ใช้ทำ ต้องเป็นปลาสดเท่านั้น มีวัตถุดิบที่ต้องจัดเตรียม และวิธีการทำดังนี้ครับ

- ปลากระดี่ (ตัดหัวออกแล้ว) 100 กิโลกรัม
- เกลือทะเล 30 กิโลกรัม
- น้ำบ่อหรือน้ำประปา (ตามความเหมาะสม)

ปลาร้า
วิธีทำ ปลาร้าข้าวคั่ว

เริ่มจากนำเนื้อปลาที่เตรียมไว้มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาคลุกกับเกลือให้เข้ากัน ใส่ข้าวคั่วลงไป หมักลงในไหหรือในโอ่งที่เตรียมไว้ ปิดฝาด้วยไม้ขัดแตะ หมักไว้ประมาณ 4 - 6 เดือน เพียงเท่านี้ก็จะได้ปลาร้าที่มีกลิ่นหอม รสชาติอร่อย มาทำส้มตำรสแซ่บ..แล้วล่ะครับ


ภาพจาก : alangcity.blogspot.com

การเลี้ยงปลาแบบอินทรีย์ ลดต้นทุนค่าอาหารปลาได้



เลี้ยงปลาแบบอินทรีย์

เลี้ยงปลาแบบอินทรีย์
 สำหรับการเลี้ยงปลาแบบธรรมชาติหรือการเลี้ยงปลาแบบอินทรีย์นั้น นอกจากเราจะมีข้อจำกัดในด้านของหัวอาหารปลาและอาหารสำเร็จรูปแล้ว แนะนำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาหันมาปลูกต้นตะขบ ต้นกล้วยน้ำว้า หรือไม้ผลชนิดต่างๆเอาไว้รอบๆขอบบ่อปลาที่เราเลี้ยง เพื่อให้เป็นร่มเงาและเป็นอาหารของปลาไปในตัว เป็นการประหยัดอาหารสำเร็จรูป ประหยัดต้นทุน ซึ่งผลสุกของผลไม้ต่างๆก็จะหล่นลงไปบ่อปลาเป็นอาหารปลาอีกทอดหนึ่ง โดยเฉพาะต้นตะขบจัดว่าเป็นพืชที่โตไว เพียงไม่กี่เดือนก็จะติดผลสุก หล่นลงสู่บ่อปลา เป็นอาหารปลาของเรา และนอกจากจะเป็นอาหารปลาแล้ว ยังเป็นอาหารของนกนานาชนิด ซึ่งจะมาอาศัยเกาะกินผลตะขบ แล้วถ่ายมูลลงสู่บ่อปลา เป็นอาหารปลาอีกทอดหนึ่ง ทำให้ปลาที่เลี้ยงโตไว โดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมที่วางขายตามท้องตลาด เป็นการลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่งครับ

การทำน้ำเขียว เพิ่มผลผลิตปลา



ปลานิล

 หากสงสัยว่า น้ำเขียวคืออะไร? วันนี้ผมมีคำตอบให้ฟัง..ดังนี้ครับ  
  
“น้ำเขียว”  เป็นน้ำที่ประกอบด้วยพืชสีเขียวขนาดเล็ก หรือที่เรามักเรียกว่า “สาหร่าย” หรือแพลงก์ตอน ซึ่งก็จัดว่าเป็นอาหารที่อยู่ตามธรรมชาติของปลาทั่วไป และเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาส่วนใหญ่ก็มักใช้น้ำเขียวในการเลี้ยงปลาอยู่แล้ว ซึ่งขั้นตอนการทำน้ำเขียวในบ่อเลี้ยงปลา ก็มีวิธีการง่ายๆ ดังนี้ครับ

อันดับแรกให้เราปล่อยน้ำเข้าบ่อเลี้ยงปลา ที่เตรียมไว้ให้ได้ระดับที่เหมาะสม จากนั้นให้เราวัดค่า PH ให้ได้ประมาณ 7 แต่ถ้าไม่ถึงให้ใส่ปุ๋ยชีวภาพหรือน้ำหมักชีวภาพ (สูตรขยาย) ลงไป วันละประมาณ 500 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ น้ำในบ่อเลี้ยงปลาของเราก็จะค่อยๆ กลายเป็นน้ำเขียวขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับบ่อเลี้ยงปลาที่ขุดใหม่ๆ แนะนำให้ใส่มูลสัตว์ลงไปด้วย ก็จะทำให้น้ำในบ่อเลี้ยงปลาของเรากลายเป็นน้ำเขียวได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังทำให้เกิดอาหารปลาตัวเล็กๆ เช่นไรแดง หนอนแดง เป็นต้น เพียงเท่านี้เราก็สามารถปล่อยปลานิล หรือปลาชนิดอื่นๆที่เราต้องการเลี้ยงลงไปในบ่อได้เลยครับ

การเลี้ยงปลากระพงขาว



ปลากระพงขาว

http://banplanil.blogspot.com
 “ปลากระพงขาว”  อีกหนึ่งปลาเศรษฐกิจที่น่าสนใจ เป็นปลาที่กินเนื้อ สามารถอาศัยอยู่ได้ทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย อีกทั้งยังเป็นปลาที่มีรสชาติดี แถมยังมีราคาดีอีกด้วย

การเตรียมบ่อเลี้ยงปลากะพงขาว
สำหรับบ่อดิน แนะนำให้มีขนาด 1.5-2 ไร่ ลึกประมาณ 1.5-3 เมตร มีระบบน้ำผันเข้าออกอยู่คนละด้าน ถ้าเป็นบ่อเก่าควรพรวนตะกอนเลน ประมาณ 4-5 วัน/ครั้ง พร้อมหว่านปูนขาวฆ่าเชื้อและปรับค่า PH ทั่วบ่อประมาณ 60-80 กิโลกรัม/ไร่

อัตราการปล่อยปลากระพงขาว
สำหรับปลาที่เริ่มเลี้ยงในแต่ละบ่อ ควรมีความยาวขนาดเท่ากันประมาณ 4-5 นิ้ว ประมาณ 3,000 – 4,500 ตัว/ไร่

การถ่ายน้ำ
ควรถ่ายน้ำทุกๆ 3-7 วัน (ประมาณ 1 ใน 3 ของน้ำในบ่อ) แต่ขณะถ่ายน้ำไม่ควรรบกวนให้ปลาตกใจ เพราะปลาอาจจะไม่กินอาหาร แนะนำให้เติมน้ำในช่วงประมาณตีสาม-ตีสี่ เพื่อเป็นการเพิ่มออกซิเจน และอุณหภูมิของน้ำจะได้ไม่แตกต่างกันมาก

การให้อาหารปลากระพงขาว
นิยมให้อาหารเม็ดสำเร็จรูป หรือปลาเล็กๆสับเป็นชิ้นพอดีกับปากของปลา พอเมื่อเลี้ยงปลากะพงได้ประมาณ 60 วัน ก็จะได้น้ำหนักปลาประมาณ 90 กรัม เลี้ยง 90 วัน ก็จะได้ปลาที่มีน้ำหนักประมาณ 180 กรัม หรือหากเลี้ยงประมาณ 120 วัน ก็จะได้ปลากระพงที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 250 กรัม หรือถ้าเราเลี้ยงครบ 6-7 เดือน ก็จะได้น้ำหนักปลาเฉลี่ยตัวละ 400-600 กรัม และเราจะได้ราคาดี เมื่อปลามีน้ำหนักขนาด 800-1,200 กรัม

ข้อควรรู้: ในระหว่างเลี้ยงปลากะพงเราควรสังเกตการกินอาหารของปลาด้วย เพราะถ้าปลากินอาหารลดลงอาจมีปรสิตหรือโรคได้ แนะนำให้ปรึกษาหน่วยงานประมงใกล้บ้านครับ

โรคปลา



ป้องกันโรคปลา ด้วยวิธีง่ายๆ

1. ต้องระวังไม่ให้ปลาเกิดความเครียดหรือตกใจ โดยการดูแลสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม มีการถ่ายเทน้ำเป็นระยะ และไม่ควรปล่อยปลาในบ่อให้หนาแน่นเกินไป และที่สำคัญก่อนนำพันธุ์ปลาเข้ามาปล่อยในบ่อเลี้ยง ควรจะแช่ฟอร์มาลีนในอัตราส่วนความเข้มข้น 25-30 ppm (หนึ่งในล้านส่วน) เพื่อกำจัดปรสิตที่อาจติดมากับตัวปลา
2. เมื่อมีการขนส่งปลา ควรแช่เกลือในอัตรา 0.1-0.5 % เพื่อเป็นการลดความเครียดให้กับปลา
3. ควรเลือกซื้อพันธุ์ปลาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และควรเลือกซื้อจากแหล่งที่ไม่เคยมีการระบาดของโรคปลาด้วย
4. ถ้าเราจะนำผักบุ้งหรือผักตบชวามาใส่ลงในบ่อ ควรจะทำความสะอาดรากและใบของผักก่อน โดยการแช่ด่างทับทิมเข้มข้น 5 ppm ประมาณ 10 นาที จากนั้นค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพื่อลดสปอร์ของเชื้อรา และปรสิตที่อาจติดมา เพียงเท่านี้บ่อเลี้ยงปลาของเราก็จะปลอดเชื้อ ปลาก็ไม่มีโรค เป็นปลาที่สมบูรณ์ ได้น้ำหนัก สุดท้ายก็ขายได้ราคาดี นั่นเองครับ

น้ำหมักสูตรเลี้ยงปลา



วิธีทำน้ำหมักสูตรเลี้ยงปลา

น้ำหมักสูตรเลี้ยงปลาที่ผมจะนำเสนอในวันนี้ เป็นองค์ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ของปราชญ์ชาวบ้านหลายท่าน ซึ่งต่างก็ได้พิสูจน์และทดลองใช้แล้ว เห็นว่ามีประโยชน์ต่อเกษตรกร โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพเลี้ยงปลาในเชิงเศรษฐกิจ หรือจะเลี้ยงไว้รับประทานภายในครอบครัว สามารถนำไปใช้ได้ทันที เป็นการประหยัดต้นทุน อีกทั้งยังทำให้ปลาที่เราเลี้ยงไว้โตไว และน้ำในบ่อเลี้ยงปลาก็ไม่เน่าเสียง่าย อันนี้ผมได้พิสูจน์แล้ว..จึงได้นำวิธีการที่ว่านี้มาแนะนำครับ

วัตถุดิบสำหรับทำ “น้ำหมักสูตรเลี้ยงปลา” มีดังนี้
1. สารเร่งซุปเปอร์ พด.2 จำนวน 1 ซอง
2. กากน้ำตาล/น้ำตาลทรายแดง 3 กิโลกรัม
3. น้ำเปล่า 6 ลิตร
4. ฟักทองแก่ทั้งเปลือก หั่นหรือสับ  3 กิโลกรัม
5. มะละกอสุกทั้งเปลือก หั่นหรือสับ  3 กิโลกรัม
6. กล้วยน้ำว้าสุกทั้งเปลือก หั่นหรือสับ 3 กิโลกรัม
7. ถังพลาสติกที่มีฝาปิดจำนวน 1 ถัง

วิธีทำ: ก่อนอื่นให้เรานำกากน้ำตาล + สารเร่งพด.2 + น้ำเปล่าที่เตรียมไว้ ผสมรวมกันในถัง คนให้เข้ากัน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที  จากนั้นให้นำส่วนผสมในข้อ 4-5-6 มาผสมรวมกันในถังหมัก คนให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดฝาให้สนิทตั้งไว้ในที่ร่ม หมักทิ้งไว้ประมาณ 10-15 วัน จากนั้นให้นำมากรองเอาแต่น้ำ สามารถนำไปใช้ได้เลยครับ ส่วนกากเราก็ไม่ต้องทิ้ง ให้นำไปใส่โคนต้นไม้หรือใส่ในแปลงนาก่อนทำการไถกลบ ก็จะเป็นปุ๋ยชั้นดีทีเดียวครับ

ประโยชน์ของน้ำหมักสูตรเลี้ยงปลา
1. ปลาจะมีเนื้อหวานรสชาติอร่อย และไม่มีกลิ่นสาบ
2. ปลาจะไม่มีมันในท้อง และปลาไม่เป็นโรค
และสุดท้าย “น้ำหมักสูตรเลี้ยงปลา”  ข้างต้นนี้ ยังใช้เป็นฮอร์โมนสำหรับฉีดพ่นพืชผักต่างๆ ก็จะช่วยเร่งดอก เร่งผล ช่วยเพิ่มรสชาติความหวานให้ผลไม้ที่เราปลูกไว้ได้อีกด้วยครับ